ขณะแรกที่ผมเลือกเข้ามาเรียนมนุษยศาสตร์สาขาภาษาไทย ในความคิดผมตอนนั้น ไม่ได้นึกถึงเรื่องที่ว่า สักวันหนึ่งเราจะต้องมาเดินเฉียดกับสายครูเลย
โดยส่วนตัวผมรักชอบไปทางขีดๆ เขียนๆ เสียมากกว่า ดังนั้นไอ้เรื่องการสอนที่อาจารย์ย้ำนักย้ำหนาเลยไม่ค่อยเข้าหูสักเท่าไหร่
แต่ด้วยคนที่มาเรียนมนุษยศาสตร์ภาษาไทยส่วนใหญ่ เป็นคนที่พลาดมาจากครุภาษาไทย ดังนั้นจึงหวังว่า หากเรียนจบสาขานี้ก็คงไปเป็นครูได้ไม่ต่างกัน เพราะสาเหตุดังกล่าว ทางหลักสูตรจึงได้มีการเสริมเพิ่มเติมในส่วนนี้ให้ด้วย
ระหว่างปี 1 จนถึงปี 3 ผมไม่ได้จริงจังกับเรื่องการสอนเท่าไหร่ จำได้ก็จำ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ทว่าสุดท้ายแล้ว ผมก็หนีไม่พ้น เมื่อถึงเวลาที่ทางคณะให้ออกสังเกตการณ์ ผมก็ต้องออกไปเช่นกัน และแน่นอนว่าสถานที่ที่มา ก็คือโรงเรียน
ช่วงแรกผมรู้สึกขัดใจนะ ว่าทำไมเราไม่ชอบสายครูแท้ๆ อีกประการก็คือ คณะที่เรียนก็ไม่ใช่สายครู แต่ทำไมเราจะต้องมาทำอะไรให้มันเหมือนสายครู เช่นการออกสังเกตการสอนเป็นต้น
แต่พอมาคิดดูดีๆ แล้ว ถึงแม้มันจะไม่ใช่สิ่งที่ผมชอบ แต่ว่ามันก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ของชีวิตอย่างหนึ่ง ในเมื่อเราได้ลงมือทำ เราก็คงจะได้อะไรติดมือติดสมองมาบ้าง
หลักๆ ที่ได้ก็คงเป็นความอดทนและความรับผิดชอบ
ถึงแม้จะไม่ชอบในสิ่งที่กำลังทำ แต่จะให้เดินหนี ปล่อยความรับผิดชอบทิ้งลงทะเล ผมก็คงไม่เอา เพราะแบบนี้ นี่เลยกลายเป็นสิ่งที่ผมได้มาจากการสังเกตการณ์สอน
ในชีวิตจริง หลายครั้งเราก็เลือกเอาแต่สิ่งที่อยากจะทำไม่ได้หรอก มันต้องมีสักอย่างที่เราไม่ชอบ แต่เราต้องทำ
ไอ้ครั้นไม่ชอบคือไม่ทำ แบบนั้นมันก็ไม่ได้ อายุเรามากขึ้นทุกวัน ความรับผิดชอบมันก็ต้องมี ดังนั้นแทนที่จะหันหน้าหนี เราทำไมไม่ทำให้มันสุดความสามารถไปเลย เพราะอย่างน้อยเมื่อทำเสร็จ เราก็ยังได้ความภูมิใจเป็นการตอบแทน
ถึงเราจะไม่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ แต่ก็ใช่ว่าในเวลาต่อไป เราจะไม่ได้ทำมันตลอดไป
- 2045 reads