รีวิว (Review)
- ชื่อเรื่อง : The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์
- ผู้เขียน : ฮุ่ยซัวฮว่าเตอโจ่วจื่อ
- ประเภท : นิยายแฟนตาซี
- จำนวนตอน : 150 ตอน (ยังไม่จบ)
- ผู้แปล : ขุนเขาตำรา
- ลิขสิทธิ์ในไทย : Ink Stone Entertainment
- อ่านได้ที่ คลิก
เรื่องย่อ
เมื่อตกอยู่ในอันตราย ความหวังคืออาวุธ 'ลำดับแรก' ของมนุษย์
หลังภัยพิบัติผ่านพ้นไป สิ่งที่เหลืออยู่คือความเสื่อมโทรมของอารยธรรมมนุษย์
ไร้ธรรมเนียม ไร้กฎเกณฑ์ ไร้ซึ่งคุณธรรม
มนุษย์ไม่ได้อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารอีกต่อไป
...
'เริ่นเสี่ยวซู่' เด็กหนุ่มวัย 17 ปีผู้อพยพแห่งป้อมปราการ 113 ความเป็นมาของเขาไม่แน่ชัด แต่ที่แน่ๆ เขาเป็นนักล่ามือฉมัง
หลังจากผ่านเหตุการณ์เสี่ยงตายใน 'แดนรกร้าง' มาได้ก็เกิดหมอกดำประหลาดขึ้นในห้วงจิต
และนั่นเป็นสาเหตุของอาการป่วยทางสมองของเขา
แต่อยู่มาวันหนึ่งหมอกดำในห้วงจิตก็มลายหายไป เผยให้เห็น 'พระราชวัง' ปริศนา ที่น่าแปลกคือหลังจากนั้นเขาก็มักจะได้ยินเสียงลึกลับจากพระราชวังที่สั่งให้เขาทำภารกิจช่วยเหลือผู้อื่น?!
หลังจากทำภารกิจสำเร็จแล้ว เขาจะยังได้รับรางวัลจากพระราชวังอีกด้วย
ทว่ายังไม่ทันได้สำรวจพระราชวังนั้นให้ละเอียดดี เขาก็จับพลัดจับผลูต้องไปเป็นคนนำทางเข้าไปในแดนรกร้างที่เขาพยายามเลี่ยง
และนี่คือจุดเริ่มต้นการผจญภัยในแดนรกร้างของเริ่นเสี่ยวซู่...เด็กหนุ่มที่อาจกลายเป็นผู้นำพาความหวังและแสงสว่างมาสู่มนุษยชาติ!
รีวิว
ส่วนตัว ผมเริ่มอ่านนิยายแปลเรื่องนี้เพราะนิสัยของพระเอกอย่าง ‘เริ่นเสี่ยวซู่’ ล้วนๆ เลย เพราะเป็นตัวละครที่น่าสนใจมาก เพราะมีความเป็นตัวเองค่อนข้างสูง กล่าวคืออ่านแรกๆ เราอาจจะมองว่าอีกฝ่ายเอาตัวรอดเก่ง ดูเย็นชา คือนอกจากน้องชายแล้วก็แทบไม่เอาใคร แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย
เพราะแม้ว่าในบางแง่มุมอาจจะดูเย็นชาอยู่บ้าง แต่ถ้าใครดีกับพี่แก พี่แกก็ช่วยนะ แต่ “ช่วย” ไม่ได้หมายความว่าช่วยแบบไม่ลืมหูลืมตาเหมือนนิยายหลายเรื่อง แต่คนที่พี่แกช่วย จะต้องช่วยเหลือตัวเองด้วย คือเริ่นเสี่ยวซู่จะช่วยเท่าที่จำเป็น ที่เหลือก็ดูแลตัวเองไป อีกทั้งไม่ใช่ว่าจะคอยให้แต่คนอื่นช่วย แต่คนที่พี่แกช่วย ก็ต้องพยายามทำตัวเองให้มีประโยชน์กับกลุ่มด้วย ไม่ใช่รอรับผลประโยชน์อย่างเดียว
นอกจากนี้ แม้โทนเรื่องจะออกดูมืดๆ เทาๆ หน่อย แต่ถ้าเราอ่านไปเรื่อยๆ เราจะรู้เลยว่า “ในความมืด...ก็ยังมีแสงสว่าง” ไม่ใช่ทุกคนที่เลวที่สุด และไม่ใช่ทุกคนที่ดีที่สุด บางสถานการณ์คนที่เราคิดว่าเลว ก็กลายมาเป็นฝ่ายช่วยคนดีให้รอดจากความเป็นตายได้เหมือนกัน ความดีความเลวของแต่ละคน ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกมองมุมไหน บางทีการช่วยเหลือกันยามลำบาก แม้จะเคยรู้สึกไม่ดีต่อกันมาก่อน แต่มันก็ก่อเกิดมิตรภาพได้
ตัวละครหลักๆ มีเหตุมีผลเป็นของตัวเอง มีการประเมินสถานการณ์ มีการแสดงออกอย่างมีเหตุผล บางครั้ง แม้จะอยู่คนละฝ่าย แต่บทจะช่วยกันเอาชีวิตรอดขึ้นมาจริงๆ ก็พอเชื่อใจกันได้ ต่างจากนิยายหลายๆ เรื่อง ที่มันจะตายห่ากันอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่วายหักหลังกันซ้ำไปซ้ำมา จนคนอ่านถึงขั้นตั้งคำถามกันเลยว่า “แม่ง จะตายห่ากันอยู่แล้ว ยังจะเสือกมาตีกันอีก ประเมินสถานการณ์ไม่เป็นหรือไงวะ?” กันเลยทีเดียว
เนื้อเรื่องเดินไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว มีรายละเอียดเท่าที่จำเป็น ถามว่าเนื้อเรื่องเข้มข้นมากไหม อันนี้ตอบเลยว่าพอสมควร แต่เนื้อเรื่องไม่หนักมาก เพราะมีความฮา มีมิตรภาพให้เราซึ้งใจอยู่เรื่อยๆ ในนั้นเราจะเห็นความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ และในทางกลับกัน เราก็จะเห็นน้ำใจของมนุษย์เช่นกัน
สำนวนการแปล สำหรับผมถือว่าโอเคเลย มันอาจจะดูกระชับ ไม่สวยงามสำหรับหลายท่าน แต่ส่วนตัวผมมองว่าพอดี เพราะเรื่องแนวนี้มันต้องใช้สำนวนประมาณนี้ เพราะถ้าเยิ่นเย้อมากไป เรื่องจะดูเอื่อย พลอยให้หมดความตื่นเต้นไป
ใครชอบสายวันสิ้นโลก สายเอาชีวิตรอด สายผจญภัย สายพวกพ้อง สายกลมกล่อม เนื้อหาเข้มข้นแบบไม่หนักมาก ผมว่าเรื่องนี้ตอบโจทย์ครับ
หลังจากอ่านรีวิวจบแล้ว ผมก็ขอฝากเว็บไซต์อ่านเขียนนิยายของผมเอง เอาไว้ในตัวเลือกของทุกๆ คนด้วยนะครับ ลงได้ทั้งนิยายแต่งและนิยายแปล โดยได้รับส่วนแบ่งถึง 80% ส่วนเว็บไซต์คิดค่าฝากขายเพียง 20% เท่านั้นครับ
ผมทำเว็บนิยายเพราะความชอบ ไม่ค่อยได้คิดเรื่องกำไรสักเท่าไหร่ ใครสนใจก็แวะไปเยี่ยมเยือนกันได้ที่ เขียนกันดอทคอม เว็บนิยายออนไลน์ กันนะครับ
- 5040 reads